“ลูกหมี” ขึ้นศาลฟ้อง “ปู มัณฑนา” ติดหนี้ 2 ล้าน แต่อีกฝ่ายไม่มาส่งสามีมาแทน เผยคู่กรณีไม่ขอไกล่เกลี่ยแถมฟ้องแย้งเรียกเช็คคืน

วันนี้ 22 ต.ค. 2567 เมื่อเวลา 08.15 น. “ลูกหมี รัศมี ทองสิริไพรศรี” พร้อม “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” และ “ทนายกุ้ง อำนวยพร มณีวรรณ์” ได้เดินทางมาที่ศาลแขวงพระนครใต้ หลังศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง กรณี ลูกหมี เป็นโจทก์ฟ้องอดีตนางเอกและนางงามกรณีฉ้อโกงเงินจำนวน 2 ล้านบาท จากนั้นเวลาประมาณ 09.00 น. “หาญส์ หิมะทองคำ” ซึ่งเป็นตัวแทนภรรยา “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” ได้เดินทางมาถึงศาล พร้อมด้วย “ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช” และ “ทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช” โดยหลังศาลไต่สวนในช่วงเช้าไปได้ประมาณ 3 ชั่วโมง ลูกหมี พร้อมทนายเดชา และทนายกุ้ง ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

ลูกหมี : “วันไม่มีอะไรเลยค่ะ ตัวลูกหมีเองเป็นโจทก์ ศาลท่านยังไม่ได้สอบถามอะไรลูกหมี แต่ว่าสอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารก่อน ว่าเช็คที่เด้งมีเงินในบัญชีของจำเลยหรือเปล่า ทางกสิกรก็บอกว่าไม่มีเงินในบัญชีค่ะ มันเป็น 0 บาทตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ลูกหมีไม่ได้เข้าไปนะคะ”

ทนายเดชา : “วันนี้เป็นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ทนายประมาณก็มาเป็นทนายความให้คุณปู แล้วก็มีคุณหาญส์มา แต่คุณปูไม่ได้มา ศาลท่านก็พยายามจะให้ทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยกัน จะได้ไม่ต้องทะเลาะและเสียเวลามาศาล เพราะมาศาลก็มีแต่ความทุกข์ ไม่ว่าชนะหรือแพ้ก็เป็นทุกข์ ท่านก็พยายามไกล่เกลี่ย แต่คุณหาญส์ยืนขึ้นและบอกว่าไม่ประสงค์ไกล่เกลี่ย ทนายประมาณก็พูดเหมือนกันว่าไม่ประสงค์ไกล่เกลี่ย แต่ว่าเขาถามผม ผมก็บอกว่าลูกความผมประสงค์ไกล่เกลี่ย ศาลเลยบอกว่าในเมื่อคู่กรณีไม่สมัครใจ ก็ไกล่เกลี่ยไม่ได้ ก็เริ่มกระบวนการไต่สวนมูลฟ้องพยานปากแรก คือผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาทองหล่อ ที่มาเบิกความเกี่ยวกับเรื่องเงินในบัญชีว่ามีไหม ก็ปรากฎว่าทนายจำเลยก็ยังสักไม่เสร็จ ต้องไปต่อในช่วงบ่าย ประมาณสัก 13.30 น. ส่วนพยานที่เหลือในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็เหลือตัวคุณลูกหมีและคนขับรถ จะมาเบิกความต่อ”

รู้สึกยังไงที่เขาไม่ยอมไกล่เกลี่ย ลูกหมี : “ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรค่ะ เพราะว่าเขาคงไม่อยากไกล่เกลี่ย ไม่อยากเคลียร์ เขาคงจะสู้คดีเต็มที่ สำหรับเราเราอยากไกล่เกลี่ย เพราะเราอยากได้เงินจำนวนนี้คืนมา เพราะเรามีความเดือดร้อนต้องใช้เงินจำนวนนี้จริงๆ ค่ะ เรื่องมันคาราคาซังมาจะเป็นปีแล้ว ก็รู้สึกว่าเหนื่อย กับการที่เราเอาเงินไปให้คนคนหนึ่งที่เราไว้ใจ และชักชวนเราลงทุน แต่สิ่งที่เขาพูดมาบอกว่าไว้ใจเขา เชื่อใจเขา มันไม่มีอยู่จริง ก็อยากบอกประชาชนทุกคนเลย ว่าการที่เราไปรู้จักคนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะรู้จักระยะสั้นหรือระยะยาว การที่เงินออกจากกระเป๋าเราเนี่ย ในยุคนี้อย่าให้เงินออกจากกระเป๋าค่ะ เพราะมันเป็นการสูญเสียที่เสียทั้งสุขภาพจิต ทั้งเงิน และสำหรับลูกหมีเงิน 2 ล้านมันเป็นเงินจำนวนมาก ที่ลูกหมีทำงานมาตลอด และทุกวันนี้ก็เหนื่อย เพราะว่ากว่าจะเก็บเงินได้ อายุเราก็เยอะแล้ว อยากให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องนี้ด้วยค่ะ

หวังว่าจะได้เงินคืน ลูกหมี : “แน่นอนว่าใจเราหวังร้อยล้านเปอร์เซ็นต์เลย ว่าอยากได้เงินก้อนนี้คืน เพราะว่าเป็นเงินของเราค่ะ (เขาไม่ได้มาวันนี้อยากบอกอะไรเขาไหม?) ก็อยากให้คืนเงินมาเถอะค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วเงินของเรา เราก็โอนออกไปจริงๆ ดีที่สุดก็แค่โอนกลับมา ทิฐิหรือความคิดต่างๆ ที่อยากจะเอาชนะ ลูกหมีว่าก็โตๆ กันแล้วค่ะ ให้งดคิดอะไรในด้านนั้น แล้วก็ คืนเงินซะเถอะค่ะ”

แนวโน้มคดีจะจบยังไง ทนายเดชา : “ยังเจรจาไม่ได้ เพราะทางทนายและตัวจำเลยไม่มีความประสงค์ไกล่เกลี่ยก็ต้องสืบพยานกันไปว่าจะเป็นคดีฉ้อโกงหรือเปล่า หรือว่าเป็นคดีเช็คเด้งหรือเปล่า ก็ต้องว่ากันไป เรามีการฟ้องคดีแพ่งด้วยเรียกเงินคืนตามสัญญากู้ เขาสู้มาว่าเขาเป็นหนี้แค่ประมาณล้านห้า เขาก็ยอมรับว่าเป็นหนี้ แต่ประมาณล้านสี่ ล้านห้า แต่ยังไม่จ่าย แล้วมีการฟ้องแย้งมาเรียกเช็คคืน 5 ฉบับ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก เขายังไม่ได้ชำระหนี้ แต่เขาขอเรียกเช็คคืน เช็คมันมีหลายฉบับ ขอเรียกเช็คคืน เป็นคดีที่แปลกฟ้องแย้งมายังชำระหนี้กันไม่ครบแต่ฟ้องแย้งมาว่าเขาจะขอเช็คคืน”

ทางฝ่ายนั้นมีฟ้องอะไรเพิ่มเติมอีกไหม ทนายเดชา : “ก็ฟ้องแย้งมา นอกนั้นเขาไปแจ้งความจับผม ทนายกุ้ง และคุณลูกหมี ที่สน.ทองหล่อ ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราก็สู้กันไป และทนายความเขาก็ไปแจ้งความจับลิลลี่ เหงียน ฟ้องหมิ่นประมาท โดนหมดเลยครับ แต่ละคนก็โดนกันคนละคดีสองคดี“

ทนายกุ้ง : ”เขาฟ้องเรียกค่าเสียหายทนายกุ้ง 20 ล้านบาทด้วย“

รู้สึกยังไงเราฟ้องเขา แล้วโดนฟ้องกลับ ลูกหมี : ”ก็รู้สึกแปลกๆ ค่ะ เงินเราเสียไปด้วย แล้วโดนฟ้องกลับด้วย ก็ไม่เคยเห็นในลักษณะนี้ มาฟ้องขอเช็คคืนด้วย ผู้หลักผู้ใหญ่อายุ 70 ขึ้นไปก็ไม่เคยเห็นในลักษณะนี้ คนประเภทนี้ หรือคดีแบบนี้ มันมีอยู่จริงเหรอ“

กังวลใจไหมที่คู่กรณีไม่มา ลูกหมี : ”ไม่ได้กังวลใจอะไรนะคะ เราพูดทุกอย่างถูกต้อง หลักฐานเราครบถ้วนชัดเจน เราทำถูกต้องทุกอย่าง กังวลใจแค่ว่าเหนื่อยตรงที่เราทำมาหากินทุกวันนี้ ลูกหมีทั้งขายของและทำอะไรต่างๆ สอนก็หนักขึ้น เพราะเงิน 2 ล้านกว่าจะเก็บได้ใหม่ ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปี“

ทนายเดชา : “วันนี้น่าจะสืบพยานได้ปากเดียว คือผู้จัดการธนาคารกสิกร สาขาทองหล่อ ทนายจำเลยเขาซักละเอียดใช้เวลานาน ก็นัดอีกครั้งวันที่ 1 พ.ย. ก็ว่ากันไป ก็เหลือพยานในชั้นไต่สวนอีก 2 ปาก คือคุณลูกหมีกับคนขับรถครับ ดูทางยากเขาไม่ได้เจรจามีฟ้องแย้งฟ้องกลับ ฟ้องเจ้าหนี้ ฟ้องทนาย ก็ต้องสู้คดีไป”

ลูกหมี : “ก็ต้องสู้ เราก็พร้อมเต็มที่”

เมื่อเวลา 13.20 น. ก่อนจะขึ้นไปไต่สวนต่อในช่วงบ่าย ทางหาญส์ พร้อมกับ อ.ประมาณ และทนายกิ่ง ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า

หาญส์ : “วันนี้มาเป็นตัวแทนคุณปู แล้วก็มาให้กำลังใจ อ.ประมาณด้วยครับ ครึ่งเช้าที่ผ่านมาก็ยังไม่เสร็จ เดี๋ยวจะต้องขึ้นไปต่ออีกครึ่งชั่วโมง แล้วศาลก็นัดอีกครั้งหนึ่งวันที่ 1 พ.ย. นี้ เดี๋ยวคุณปูน่าจะมาด้วยครับ”

หาญส์ : “ไม่ไกล่เกลี่ยแล้วครับ เพราะว่าน่าจะไกล่เกลี่ยจบกันที่สน.ทองหล่อแล้ว วันนี้มาถึงศาลแล้ว ผมก็ได้ลุกขึ้นเรียนศาลว่าไม่ไกล่เกลี่ยแล้ว ทุกอย่างให้ศาลเป็นคนตัดสิน ว่าข้อมูลที่เรามีเป็นความจริงอย่างไร แล้วก็ให้จบตรงนี้นดีกว่าครับ”

สังคมสงสัยว่าทำไมไม่จ่าย จะได้จบ?
หาญส์ : “อันนี้เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้ว แล้วเขาก็ไม่ยอมมาคุยกับเรา จนในที่สุดเขาออกข่าวทำลายทุกอย่าง ประจาน มันเป็นการกระทำที่สมควรหรือไม่ เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันไม่สมควรทำแบบนี้ เพราะฉะนั้นถามว่าจะรับได้ไหม เราก็พยายามเต็มที่แล้ว ผมก็ต้องกอบกู้ชื่อเสียงเรากลับคืนมา แน่นอนเรื่องเงินเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดำเนินการในส่วนของตรงนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายดีกว่า”

เกือบปีที่ผ่านมา “ปู” เครียดขนาดไหน
หาญส์ : “เขาก็เครียดครับ ตอนนั้นก็เข้าโรงพยาบาลตั้ง 7 ครั้ง น้ำหนักลงไปตั้ง 5-6 กิโล แต่ตอนนี้ก็จิตใจดีขึ้นมาค่อนข้างเยอะแล้ว เพราะว่าเราได้ทำข้อมูลกับ อ.ประมาณและทนายกิ่ง ซึ่งเป็นความจริง ไม่มีอันไหนที่เป็นเท็จเลย เพราะฉะนั้นเราจะเอาความจริง มาสู้กับสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามเขากล่าวหาหรือว่ากล่าวอ้าง เพื่อที่จะได้เห็นคำตอบกันจริงๆ ว่าใครที่เป็นคนกล่าวเท็จหรือกล่าวจริง”

อ.ประมาณ : “วันนี้จริงๆ ผมเตรียมตัวจะมาสักค้านคุณลูกหมี เพราะผมต้องการให้ได้ข้อเท็จจริง ว่าที่คุณลูกหมีให้สัมภาษณ์เนี่ย มันใช่ความจริงหรือเปล่า เพราะว่าการที่คุณลูกหมีให้ข่าวไป จนกระทั่งเกิดความเสียหายกับคุณปูเยอะแยะไปหมด วันนี้ต้องการมาสักค้านให้เห็นความจริง ถ้าความจริงปรากฎก็จะรู้ว่าคดีนี้มันไม่ใช่คดีอาญา มันไม่ใช่คดีฉ้อโกง มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ฝากกันลงทุน มีผลประโยชน์ตอบแทนเยอะแยะกันไปหมด

มันมีความลึกซึ้งมากกว่าที่คุณลูกหมีอ้างว่า ตอนต้นเดือนมีนาคมคุณปูไปขอยืมเงิน เลยได้ทำสัญญากู้ แล้วก็เขียนเช็คให้ พอถึงปลายเดือนมีนาคมเช็คเด้ง ทวงมาเป็นร้อยครั้งแล้วอะไรต่างๆ ซึ่งฟังจากข่าวทั้งหมดที่เขาให้ข่าว มันทำให้คุณปูเสียหายมาก วันนี้เลยตั้งใจจะมาถามค้าน เพราะการเบิกความในศาล ถ้าพูดความเท็จเมื่อไหร่ มันก็มีความผิดตามกฎหมายทันที บางคนมาเบิกความเท็จในศาลและซุกซ่อนความจริงเอาไว้ แต่ฟังดูจากความสมเหตุสมผลก็จะรู้เลย ว่าสิ่งที่คุณให้การมันเป็นความเท็จหรือเปล่า วันนี้ที่เสียดายที่สุด คือมาแล้วไม่ได้ถามค้านคุณลูกหมี”

สรุปแล้วเป็นการกู้ยืมเงินหรือเป็นการร่วมกันลงทุน
อ.ประมาณ : “ก็เอาเงินมาฝากปู ปูเขาจะลงทุนอะไร คุณลูกหมีไม่สนใจหรอก เขาสนแค่ผลตอบแทน ทีนี้ไอ้ผลตอบแทน เขาก็โอนให้กันเป็นประจำอยู่แล้ว แม้จะช้าบ้างก็เรื่องธรรมดา ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ใช่ทำกันแบบนี้ เพราะมันเสียหายมากมาย แล้ววันนี้ความจริง ถ้าเอาคุณลูกหมีมาให้การคนแรกเปิดคดีก่อน เพราะเขาเป็นโจทก์ คุณก็เปิดคดีสิว่าคุณถูกฉ้อโกงยังไง มันมีความผิดอาญาเกิดขึ้นยังไง ตามที่คุณเคยให้ข่าวก็ดี ตามที่คุณมาฟ้องก็ดี แต่ก็ไม่ เขาไปเอาผู้จัดการธนาคารมา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย”

มีความกังวลอะไรไหม
หาญส์ : “ไม่ครับ เท่าที่เรารวบรวมข้อมูลจากปูมาทั้งหมด แล้วก็มาทำหลายเดือน เราเห็นแล้วเราก็ถึงบอก อ.ประมาณกับทนายกิ่ง ว่าเราต้องเดินหน้าแล้วล่ะ เราจะไม่ไกล่เกลี่ย จะไม่ประนีประนอมแล้ว เพราะคุยไปคุยมาก็ไม่จบ วันนี้ทนายเดชาเขายังพูดเลยต่อหน้าศาล ว่าเดี๋ยวผมออกไปข้างนอกก็ได้ ให้ไกล่เกลี่ย คือมันมายังไง ก็เราจบเรื่องไกล่เกลี่ยไปตั้งนานแล้ว ศาลเองท่านก็เมตตา ก็บอกให้ไปคุยกัยก่อนดีไหมหรือยังไง ผมก็ได้ลุกขึ้นและบอกศาลท่าน ว่าคงจะไม่มีการไกล่เกลี่ยเกิดขึ้นอีกแล้ว ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย และให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัยแล้วกัน เอาความจริงมาสู้กัน”

อ.ประมาณ : ”คือโดยเนื้อแท้ของคดี มันเป็นคดีเล็กมาก ไกล่เกลี่ยได้แล้วสามารถจบได้โดยง่าย แต่พอคุณลูกหมีกับก๊วนทนายตัดสินใจจะเลือกใช้วิธีการออกมาประจาน ทำให้เขาไม่มีที่ยืนในสังคมแล้วให้เขายอมจ่าย มันเลยเถิดล้ำเส้นเกินที่จะเจรจาแล้ว ผมว่าความมา 40 กว่าปี เจรจามาเป็นร้อยเป็นพันคดีแล้วง่าย คดีนี้เล็กนิดเดียวแต่ทำกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร กลายเป็นมหากาพย์ที่เสียหายมากมายในเรื่องชื่อเสียง ทำให้มันยืดเยื้อเสียชื่อเสียง ทำให้คนอื่นเขาเสียหาย แล้วก็ประกาศตลอดเวลาว่าต้องทำให้มันไม่มีที่ยืนในสังคม ทนายเดชาเป็นทนายรุ่นน้องผมแท้ๆ ด่าผมอยู่ทุกวันหาว่าผมเป็นทนายหัวหมอยุให้เขาขี้โกงอย่างโน้นอย่างนี้ ทำให้ผมเสียหายไปด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันเลยเส้นที่จะไกล่เกลี่ยกันแล้ว มีทางเดียวคือทำความจริง ให้ปรากฏ

มีการฟ้องกลับหมิ่นประมาทกลับ หาญส์ : “ใช่ครับ มีการฟ้องหมิ่น เพราะมันมีหลายกรรม ต่างกรรมต่างวาระ อย่างที่บอกเขาจะออกโซเชียลมีเดียทุกวัน หัวเราะเยาะปูบ้างเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานบนความทุกข์คนอื่น ผมมีลูก 3 คน ครอบครัวหิมะทองคำเป็นครอบครัวใหญ่ มันกระทบถึงทุกคน คุณทำแบบนี้คิดว่ามันสนุกสนาน เดี๋ยวรอวันที่ 1 พฤศจิกายน อาจจะมีอะไรที่พลิกเห็นได้ชัด คราวนี้รอแล้วกันว่าเราจะดำเนิน ยังไง“

อ.ประมาณ : ”วันที่ 1 พ.ย. นี้ ศาลจะดำเนินการเต็มวันให้มันเสร็จสิ้นกันไป ทำความจริงให้ปรากฏว่ามันคืออะไร“

เราจะกอบกู้ชื่อเสียงกลับมายังไงที่สังคมมองว่าปูเบี้ยวหนี้ติดหนี้แล้วไม่ยอมใช้
หาญส์ : ”ก็เดี๋ยวรอวันที่ 1 พ.ย. ถ้าจบวันนั้นได้ เราก็จะเห็นข้อเท็จจริงชัดเจนเลย ให้เป็นดุลยพินิจของศาลให้ศาลท่านเป็นคนกลางดำเนินให้จบเลย หลังจากนั้นกอบกู้คงไม่ยากแล้วล่ะครับ เพราะว่าทุกคนจะได้ทราบความจริง ผมก็เคยแถลงข่าวตั้งแต่ครั้งแรก อยากให้เป็นคดีตัวอย่างเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าลูกหนี้จะหัวหมอ จะเอาชนะเจ้าหนี้ คือวันนี้มันมีอะไรสอดไส้ข้างในเยอะแยะมากมาย เป็นหนี้มันก็ต้องจ่ายเราพูดตั้งแต่วันแรกแล้ว เราไม่เคยหนีไปไหน ปูก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน แต่ความจริงคือมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็อยากจะเดินให้มันสุดเลยแล้วกัน คราวนี้จะได้รู้ว่าเจ้าหนี้เป็นแบบไหนอย่างไร แล้วเจ้าหนี้ทั่วไปที่บอกว่าอยากให้เป็นคดีตัวอย่าง จะได้รับทราบกันสักทีว่าถ้าพวกคุณยังเดินกันแบบนี้ต่อไปมันก็จะมีผลแบบนี้ต่อไปสำหรับพวกคุณในอนาคตเหมือนกัน”

ที่บอกว่ามีอะไรสอดไส้ คนสงสัยว่า ปู ได้เอาเงินไปลงทุนกับดิไอคอน เราทราบไหม หาญส์ : “อันนี้ต้องสอบถามกับปู เท่าที่ผมทราบก็น่าจะมีบางส่วน แต่อะไรยังไงเท่าไหร่ต้องถามปู” อ.ประมาณ : “คงนิดหน่อยมั้ง ตามประสาคนในวงการเขาชวน”

เป็นหลักล้านจริงไหม
หาญส์ : “อันนั้นไม่ทราบ คือภาพที่ออกไปที่มีผมกับปู ต้องเข้าใจว่าผมเป็นผู้ใหญ่ ผมเป็นรุ่นพี่บอสพอล เขาก็เป็นรุ่นน้อง เขาเชิญผมไปทานข้าว ถ่ายรูปพูดคุยโน่นนี่ เป็นเรื่องปกติ ผมก็ไม่ได้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ ปูก็ไม่ได้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ หรือไปชักชวนใคร ไม่ได้มีแบบนั้น”

ภาพที่ออกมามีการติดต่อร่วมลงทุนไหม
หาญส์ : “อันนี้ไม่ทราบเลย ต้องถามคุณปู ตัวผมไม่มีแน่นอน แต่ไปในฐานะที่เขาเป็นรุ่นน้องแล้วเขาเชิญไปทานข้าว ผมไม่ได้กังวลเลยครับ เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไร เราไม่ได้มีสัญญาอะไร การเป็นพี่น้องคนไทยธรรมดาทั่วไปที่เขาเชิญไปทานข้าวแล้วถ่ายภาพร่วมกันแค่นั้นเอง เราก็รู้จักกันไม่นานมาก ปูเขายังไม่ได้เล่าอะไร ต้องรอปูเป็นคนพูดจะรู้ดีมากกว่าผม”